รีวิวเรียนบริสเบน

Q: ทำไมถึงเลือกเรียน  Browns ที่ประเทศ Australia 

A: ถ้าอยากไปเรียนต่างประเทศหลายคนอาจคิดคล้ายกับมายว่า “ออสเตรเลียไง ใกล้ดี และเป็นประเทศที่คนไทยมาเยอะและอาจจะทำให้เราไม่เหงา อีกอยากค่าครองชีพถูกกว่าถ้าเทียบกับอังกฤษหรือ อเมริกา และที่สำคัญคิดว่าน่าจะง่าย” นี่คือสิ่งแรกที่มายคิด แต่เป้าหมายมายชัดเจนว่ามายอยากมาเรียนภาษาให้ได้ พูดได้คล่องแบบเจ้าของภาษา ดังนั้นเลยเลือกเมืองบริสเบนที่ไม่ได้เงียบเท่า Perth หรือไม่ได้หวือหวาเท่า Sydney และ Melbourne และมีคนไทยไม่มากนัก เราจะได้ใช้ภาษาได้อย่างเต็มที่ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ไม่ใช่ว่าที่ที่มายเรียนไม่มีคนไทย แต่เราเลือกได้ว่าเราจะทำตัวอย่างไร ถ้ามัวอยู่แต่กับเพื่อนคนไทยและพูดภาษาไทยนั่นคือสูญเปล่ามาก มีเพื่อนไทยได้ แต่คุยอังกฤษกันสิ ฝึกกันไป และอีกอย่างที่นี่ค่อยข้างมีนักเรียนหลากหลายเชื้อชาติมาก เพื่อนเยอะ ไม่ต้องกลัว

Q: เล่าถึงการเตรียมตัวไปเรียนหน่อยค่ะ 

A: ก่อนอื่นเลยก็หาเอเจนซี่ที่เราสนใจค่ะ เพราะไม่ได้มีความรู้หรือความกล้าพอที่จะติดต่อสถาบันโดยตรงเลยค่ะ เอเจนซี่เขาจะมีคอนเนคชั่นของแต่ละสถาบันและแนะนำเราได้ตรงและเหมาะสมกับเรามากที่สุด สำหรับมายคือเหมือนเป็น love at first sight กับทาง OEC เลยก็ว่าได้ เพราะกับการที่เราจะหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา เราไม่เลือกแค่อย่างเดียวหรอกใช่ไหม เราจะสอบถามหลายๆที่ มาเปรียบเทียบกัน สรุปได้ว่าราคาและคอร์สเรียนไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ แต่ที่ต่างคือการบริการ และความดูแลเอาใจใส่ 

OEC ดูแลมายเหมือนเป็นลูกหลาน และการที่เราจะไปเรียนต่างประเทศเองคนเดียวและยาวนานเป็นครั้งแรก เราก็ต้องการความมั่นใจในตัวเอเจนซี่ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด และพร้อมให้คำปรึกษาได้ทุกเมื่อ นอกจากเรื่องเอเจนซี่ก็มาที่ตัวเราค่ะ ว่ามีความพร้อมต่อภาษาอังกฤษมากน้อยแค่ไหน ก่อนมาออสเตรเลียระหว่างรอเรื่องเรียบร้อยมายก็มีเรียนภาษาอังกฤษที่ไทยก่อนมา เพื่อเตรียมความพร้อมค่ะ ด้วยการที่เรามีทัศนคติที่ดีกับภาษา เราเลยไม่กลัว ชนได้ชน ต้องชนแล้วแหละ มายได้ grammar  ฟังรู้เรื่อง รู้เรื่องแบบเขาตั้งใจคุยกับเรานะ แต่ถ้าได้ยินจากบุคคลที่สามที่คุยกัน ก็ยังจับใจความไม่ได้ขนาดนั้น คนอื่นชอบบอกว่ามายพูดได้ แต่!!!! มันคือแบบ supper broken grammar มาก คงคิดว่า แล้วไหนบอกได้ grammar ได้แบบทำข้อสอบ แต่ถ้าเป็นพูดปุ๊บ ผิดทันที การมาที่นี่จึงเป็นความหวังว่าเราจะชินกับสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ การใช้ทุกวัน ชินหู ชินปาก

รีวิวเรียนบริสเบน

Q: เล่าประสบการณ์การไปเรียนที่สถาบันนี้หน่อยค่ะ

A: วันแรกที่ไปโรงเรียนจะมีการทดสอบ นี่หวังอย่างยิ่งมากว่าจะได้ไปอยู่ห้องที่ไม่มีคนไทย เพราะกลัวตัวเองอดใจไม่ให้พูดไทยไม่ได้ จึงตั้งใจทำสอบมาก และก็ได้ไปอยู่ Upper Intermediate ซึ่งสมใจหวังไม่มีคนไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าคนไทยคนอื่นที่เรียนอยู่ระดับล่างกว่าไม่เก่งนะ เขามีดีไม่เหมือนกัน บางคนพูดเก่งกว่ามายอีก แต่เราแค่มีจุดอ่อนกันคนละจุด ที่เรามาอยู่ upper ได้ เพราะเราได้ grammar แต่การที่คุณมาอยู่สังคมนี้ หลักสำคัญคือการสื่อสาร คือเราต้องพูดนั่นเอง ไปเรียนวันแรกตกใจมาก ทุกคนในห้องพูดได้ บางคนเราคิดว่าเขาเป็น native ไปแล้วก็มี หวั่นใจนิดๆ แต่ต้องสู้  

ในห้องเรียน เราตอบคำถามได้ เข้าใจ แต่ก็ยังไม่ค่อยกล้าพูดเพราะรู้ว่าถ้าพูดไปก็ผิด และนี่คือสิ่งที่เพื่อนญี่ปุ่นของเราพูด “มาย คุณมาที่นี่ทำไม ทุกคนที่นี่ก็ไม่ใช่เจ้าของภาษาทั้งนั้น อย่าไปอาย ถ้ารู้ว่าผิด ก็แก้สิ พูดไปเถอะ เดี๋ยวมันจะดีขึ้นและชินไปเอง” หลังจากนั้นเลยตั้งสติค่ะ การเรียนที่นี่แยกหลักๆ เป็น core class คือห้องหลัก ซึ่งมายก็คือ Upper Intermediate นั่นเอง และ activate class จะแยกไปตามความสามารถของเราในแต่ละด้านจากการสอบวันแรกนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น Grammar Writing Vocabulary Reading Speaking ซึ่งมายได้คนละระดับทั้งสิ้น มีgrammar ที่ได้ระดับสูงสุด แต่พอไปเรียนจะงงๆ บ้าง เพราะยิ่งอยู่ระดับสูงเท่าไหร่ ทุกคนในห้องก็จะพูดอังกฤษกันได้มากและเก่งขึ้นเท่านั้น แต่เราไม่ใช่ 5555555555555 และการที่เราเรียนแต่ละเรื่องในคนละระดับทำให้เราได้เพื่อนเยอะมาก อย่าไปกลัวที่นี่ทำตัวเหมือนรู้จักกันทุกคน เพื่อนทานข้าว เพื่อนเที่ยวหลังเลิกเรียน เพื่อนเรียนในห้อง คนละคนหมดเลยจ้า

Q: พักที่ไหน และสังคมที่พัก และที่เรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ

A: มายพัก homestay ค่ะ คือเจ้าบ้านเป็นคนออสซี่ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมอย่างเต็มที่จริงๆ บ้านที่มายพักไม่ได้มีแค่มายนะคะ เป็นคล้ายๆ share house แต่มีห้องนอนของตัวเอง ใช้ห้องน้ำรวม การอยู่แบบนี้ก็ไม่เหงาค่ะ ในบ้านมี ไทย 1, ญี่ปุ่น 1, ไต้หวัน 1, จีน1 และบราซิล 2 สนุกจ้า แต่ homestay บางที่ก็จะมีแค่เราก็มี มายเลือกที่พักไป-กลับโรงเรียนไม่เกิน 30 นาที แต่ก็แลกมาด้วยการเสียค่าที่พักเพิ่ม แต่ถือว่าคุ้มสำหรับเดือนแรกในการให้เราออกไปสำรวจเมืองอย่างสบายใจ มายเดินทางไป-กลับ ได้ 3 แบบ 

1. เรือ CityHoper สีแดง ฟรีจ้า

2. รถบัส translink 

3. เดิน

มายชอบที่นี่เพราะเราเดินได้ไปไหนมาไหนได้ทุกที่ ถ้าเดินไหว มันเป็นเมืองที่เดินได้ ขี่จักรยานได้ สกู๊ตเตอร์ได้ สะดวก จะไปไหนมีตารางการเดินรถที่แน่นอน ไม่มีทางหลงจ้า ที่เรียนน่ารักมากค่ะ เข้าใจหัวอกเด็กมาเรียนต่างประเทศที่ต้องการประหยัดเงิน ที่นี่มีตู้เย็น และไมโครเวฟเป็นสิบตู้ สำหรับเด็กที่เอาข้าวกลางวันมาทานเอง มาถึงก็มาแช่ กลางวันก็อุ่นทาน กินเสร็จมีซิงค์และอุปกรณ์การล้านจานที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง เจ้าหน้าที่และครูเป็นกันเอง พร้อมช่วยเหลือดูแล นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้เลือกทำนอกเหนือจากการเรียนมากมาย เช่น ร้องเพลง เต้น เล่นฟุตบอลหรือวอลเล่บอล ชมรมการหางานหรือสัมภาษณ์งาน  ใครที่มาเรียนไม่ต้องกลัวค่ะ พร้อมทุกด้าน 

Q: มีความคิดเห็นติชมอะไรฝากถึงพี่ๆทีมงาน OEC และที่ดูแลบ้างไหมคะ

A: ขอบคุณพี่ศิที่ดูแลกันมาค่ะ ให้ความช่วยเหลือได้อย่างดีเสมอมา  มีอะไรไม่เข้าใจหรือสงสัยสอบถามได้ทุกเรื่องค่ะ อย่ากลัว ก็คนมันไม่เคยนิเนอะ พี่ๆทีมงาน OEC พร้อมช่วยเหลือตลอดค่ะ ลองกล้าที่จะเข้าไปหาหรือพูดคุยสอบถามสักนิดแค่นี้ก็เป็นการเบิกทางให้ตัวเองได้เริ่มต้นแล้วค่ะ

Q: มีอะไรแนะนำอยากฝากถึงเพื่อนๆที่ต้องการไปเรียนต่างประเทศบ้างไหมคะ

A: อย่าไปกลัวค่ะ ถ้าคิดว่านี่คือเป้าหมายของเรา ก็ลงมือทำเลยค่ะ มีคนพร้อมให้คำปรึกษาเสมอ จงกล้าที่จะลงมือทำ มายลาออกจากงานเพราะต้องการเติมเต็มสิ่งที่ขาด และเสริมตัวเองให้มั่นคง ได้รับหน้าที่การงานที่มีความก้าวหน้ามากกว่าเดิม เตรียมใจตัวเองและเงินในกระเป๋าให้พร้อม แล้วลุยเลยค่ะ เคยได้ยินว่ามีคนไปเรียนต่างประเทศแบบพูดไม่ได้เลยก็มี แต่เขาก็ได้ดีกลับไป เพราเขามุ่งมั่นและพยายาม  เพราะฉะนั่น ลุยค่ะ!!!!!!!!!