รีวิวเรียนบริสเบน

ทำไมถึงเลือกเรียนที่ Langpots ที่ Brisbane Australia?

            พี่สาวตอนไปอยู่ออสเตรเลียได้ยินมาว่า Langports คือสถาบันสอนภาษาที่ดีที่สุดในบริสเบนแล้วค่ะ เพราะว่าเป็นธุรกิจครอบครัว ทำให้โรงเรียนใส่ใจในคุณภาพและมาตรฐานของโรงเรียรมากค่ะ ส่วนที่เลือกมาออสเตรเลีย เพราะว่าเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษที่อยู่ใกล้ไทยมากที่สุด และมีสำเนียงที่ไม่ได้ต่างไปจากสำเนียงอังกฤษหรืออเมริกันมากจนเกินไปค่ะ น้ำปูนเลือกเมืองบริสเบน เป็นเพราะเป็นเมืองขนาดกลาง ๆ ที่ไม่ใหญ่ คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป ค่าครองชีพไม่สูงมาก และที่สำคัญ คือ คนไทยไม่เยอะค่ะ จะได้บังคับพูดภาษาอังกฤษตลอดเวลา

เล่าถึงการเตรียมตัวไปเรียนหน่อย

                จริง ๆ ก่อนไปก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากค่ะ แต่ก็มีกังวลเรื่องภาษาบ้างนิดหน่อย เพราะตั้งแต่เข้ามหาลัยมา 1 ปีก็ไม่ได้ใช้ grammar และไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษเหมือนตอนเรียนมัธยมค่ะ ก็มีเปิด ๆ หนังสือทวนบ้างนิดหน่อย ที่วุ่นวายก็คือ การเตรียมเอกสาร การเตรียมของ เสื้อผ้า และการจัดกระเป๋าค่ะ ต้องขอบคุณทางพี่ศิที่ดูเรื่องของการขอ VISA และเอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่ต้องใช้ รวมไปถึงลิสต์รายการของที่ควรจะนำไปค่ะ   

เล่าประสบการณ์การเรียนที่ Langports หน่อยค่ะ

Langports เป็นโรงเรียนที่ดีมากค่ะ ทั้งเนื้อหาการสอน และ Teacher ในวันแรกทางโรงเรียนจะให้สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ มี Reading Grammar Speaking&Listening ซึ่งเราจะรู้ผลในวันถัดไปค่ะว่าเราจะได้เรียน Levelไหนบ้าง การเรียนในแต่ละวันจะแบ่งเป็น 3 class สำหรับ UFO  ทุกคอร์สจะเริ่มตอน 9 โมงเช้าค่ะ

• Class แรก คือ Use class หรือที่เรียกกันว่า Morning class จะได้อยู่ Level ไหนคิดว่าน่าจะขึ้นกับ ความรู้ grammar และLanguage Skills โดยรวมค่ะ

• ส่วนตอนสายจะเป็น Focus class  ซึ่งจะเปลี่ยนไปทุกวันคือ อังคารเรียน Writing พุธ Reading พฤหัสเป็น Listening และวันศุกร์เป็น Speaking ค่ะ (วันจันทร์ทั้งเช้าจะเรียน Use class ทั้งเช้าเลยค่ะ เพราะจะมีสอบประเมินสิ่งที่เรียนมาทั้งอาทิตย์ตอนสาย) Teacher ก็จะเปลี่ยนไปตาม Class ค่ะ

• ตอนบ่ายหลังทานข้าว จะเป็น Options class ค่ะ ให้เราเลือกตาม ความสนใจของเราว่าต้องการจะเรียนอะไรเพิ่มเติมซึ่งเลือกได้ตาม Level ของเราค่ะ แต่บาง Class ก็เรียนได้ทุก Level แต่ก็ไปแบ่ง Level ตามห้องกันอีกที ไม่ต้องกังวลว่าจะได้เรียนง่ายไปค่ะ มี Elementary English Conversation, Business English, Grammar, Vocabulary, English for Engineering&Science, English for Finance&Law แต่บาง Class ก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนคนเรียนด้วยนะคะ ตอนแรกจะลง English for Engineering&Science แต่ทางโรงเรียนเขาไม่สามารถเปิดให้ได้ค่ะ เพราะคนที่สนใจน้อยเกินไป (ส่วนใหญ่คนที่มาที่นี่จะเรียนจบ Business กันมาค่ะ) เลยไปลง Bussiness กับ Grammar แทน แต่ว่าก็สามารถไปขอ Sheet เรียนเพิ่มได้จาก Director of Study หรือ DOS (ดอส) นะคะ (ส่วนตัวคิดว่า Grammar เป็น Class ที่สุดยอดมากจริง ๆ ค่ะ สอนดีมาก ๆ เข้าใจถึงแก่นเลยทีเดียว )

• หลังจากเลิกเรียนแล้ว ทางโรงเรียน Workshop ให้ค่ะ เป็น optional สำหรับนักเรียนที่อยากจะเรียนเพิ่มเติม

- มี Exam Techniques and Tips สำหรับ คนที่อยากเตรียมตัวสอบ Cambridge IELTS TOEIC หรือถ้าต้องการ Skill เพิ่มเติมก็แนะนำเลยค่ะ

- Extension English สำหรับนักเรียนที่อยากจะทำการบ้าน โดยจะมี Teacher 2 คน สำหรับช่วง Level1-3 และ Level 4 เป็นต้นไป นั่งอยู่ในบริเวณ common room ค่ะ 

- Aussie English สำหรับนักเรียนที่อยากจะเรียน Aussie Slang หรือ Idiom กับพวก Vocabulary ที่คนออสเตรเลียจริง ๆ เขานิยมใช้ (แต่จริง ๆ ก็มี ที่เขาใช้กันอยู่ทั่วไปด้วยนะคะ) ได้ฝึกฟัง Australian Accent ด้วยค่ะ

- English for Work อันนี้เพื่อนบอกว่า Teacher จะสอนเขียน Resume หรือเทคนิคการสัมภาษณ์งานค่ะ คือ สร้างมาเพื่อนักเรียนที่จะหางานทำ

ซึ่งในส่วนของ Workshop จะเป็นคอร์ส 5 สัปดาห์ค่ะ แล้วก็วนไปเรื่อย ๆ เราจะต้องไปเซ็นชื่อถ้าต้องการจะลงเรียนทุกวันพุธค่ะ จะมี Level บอกไว้เรียบร้อยว่าสามารถลง Class ไหนได้บ้าง

• น้ำปูนมีโอกาสได้ไปเรียน คอร์ส Cambridge FCE Flexi ต่อจาก L5 ใน UFO ค่ะ โดยส่วนตัวพูดเลยว่า ได้ความรู้หลาย ๆ อย่างจาก Class นี้มาก ๆ ด้วยความที่ Teacher เป็นคน Strict มาก (เขาเก่งมากนะคะ ชอบมาก ๆ) ทำให้เขาจะคอยแก้ให้เราเวลาพูดผิดค่ะ และมีรูปแบบการสอนที่ทำให้เราพัฒนาด้าน Speaking ส่วน Grammar จะลงลึกกว่า UFO เยอะมากค่ะ (สะใจสุด ๆ ) แนะนำให้เตรียมตัวมาสอบดี ๆ ค่ะ ถ้ามีเวลาน้อยจะได้มา Level 5 แล้วกระโดดมาเรียน FCE Flexi ค่ะ คุ้มค่ามากจริง ๆ คอร์ส Cambrigde ก็จะแบ่งเป็น 3 class เหมือนกันค่ะ เป็น Morning class, Focus Class เพียงแต่เราจะอยู่กับ Teacher คนเดิมตลอดทั้งเช้า และเนื้อหาจะอิงตามสิ่งที่ต้องสอบใน Cambridge Exam ส่วนตอนบ่ายก็ไปเรียน Option class ตามปกติค่ะ

นอกจากเรื่องเรียนแล้วทางโรงเรียนมี Activist ด้วยนะคะ เป็น Staff ที่ดูแลเรื่องกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในทุกวันซึ่งไม่ซ้ำกันเลย ตั้งแต่จันทร์ถึงเสาร์เลยค่ะ มีกิจกรรมมากมายให้เลือกทั้งเสียเงินและฟรีนะคะ ทำให้เราได้ทำความรู้จักกับเพื่อนมากขึ้นอย่าง Pub night , BBQ  หรือที่คนที่นี่เรียก Barbie (คนออสเตรเลียเขานิยมจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวมากค่ะ จะบอกว่าเป็นวัฒนธรรมได้เลย) จะไปจัดที่สวนสาธารณะ Roma Park หรือ Public Area อย่างตรง South Bank ค่ะ เขามีเตาบริการฟรี, Whale Watching ตอนน้ำปูนไปเป็น Season ที่วาฬเค้าจะว่ายเข้ามาแถว Gold Coast ค่ะ บางวันก็มีแข่งปิงปอง หรือ FIFA ด้วยนะคะ

สำหรับนักเรียนคนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเรียน อยากได้ Sheet เพิ่มเติม รู้สึกว่า Class ที่กำลังเรียนอยู่ง่ายเกินไป หรือต้องการเปลี่ยนคอร์ส ก็สามารถไปคุยกับ DOS ได้ค่ะ เป็นกันเองแบบสุด ๆ  หรือทุกวันจันทร์จะมีช่วงให้คุยกับ morning teacher  ก็ปรึกษาได้ค่ะ เพราะเขาจะคอยถามอยู่เสมอว่าโอเคกับ Class หรือเปล่า มีปัญหาตรงไหน อยากได้เพิ่มเติมไหม ประมาณนี้ค่ะ (ทั้งนี้การเปลี่ยนคอร์สหรือ Level ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาด้วยนะคะ ที่นี่มีระบบการประเมิน Level ที่ดีมาก ๆ คือ Skill จะต้องถึงขั้นที่เขากำหนดไว้จริง ๆ ถึงจะเปลี่ยนได้นะคะ ไม่ได้เลื่อนง่าย ๆ  มั่นใจในคุณภาพสุด ๆ )

ส่วนในด้านของ Teacher นะคะ ทุกคนน่ารักและเป็นกันเองมากค่ะ โดยทุก ๆ คนเขาจะเตรียมการสอนกันทุกวันนะคะ ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจก็สามารถยกมือถามได้ตลอดค่ะ ที่สำคัญคือ Teacher เก่งมาก รู้ว่ากำลังสอนอะไร และอธิบายได้ดีมากค่ะ และทางโรงเรียนจะแบ่ง Teacher สำหรับสอนพวก IELTS TOEIC Cambridge ไว้ต่างหากด้วยค่ะ ก็คือมั่นใจเรื่องความชำนาญและประสบการณ์ของ Teacher ได้เลย

พักที่ไหน สังคมที่พักและที่เรียนเป็นอย่างไรบ้าง

น้ำปูนเลือกพักกับ Host คนเก่าของพี่สาวค่ะ อยู่ที่ The Gap เป็น Area ที่สงบเงียบมาก เป็นแบบ Family Area ค่ะ เข้าเมืองก็นั่ง 385, 380, 382 ไปค่ะ ประมาณ 40 นาทีถึง 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับเส้นทางของสายรถบัส กับเวลาด้วยนะคะ)

สังคมที่พักก็ดีมากนะคะ ที่บ้าน Host เขารับนักเรียนได้ 3 คนค่ะ ตอนน้ำปูนไปอยู่กับพี่เกาหลี 2 คน พี่อิตาลี่ 1 คน เพื่อนญี่ปุ่น 1 คน ก็จะมีพี่เกาหลี 1 คนที่อยู่ยาว ๆ 5 เดือนกับ Host ค่ะ น้ำปูนอยู่ 2 เดือนครึ่ง ก็จะมีอีกห้องนึงที่จะเปลี่ยนมาเรื่อย  ๆ  เพราะคนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่ Homestay แค่ 4 อาทิตย์ตามที่โรงเรียนกำหนดไว้ตอนแรก หลังจากนั้นจะย้ายไปในเมืองเพื่อลดค่าใช้จ่ายอย่างค่ารถค่ะ คิดว่าการอยู่ Homestay เป็นอะไรที่ดีมากนะคะ เพราะเป็นการบังคับเราให้พูดภาษาอังกฤษตลอด เราสามารถคุยกับเขาได้ทุกเรื่องเลยค่ะ คำถามที่ Host ของน้ำปูนจะถามทุกวันอน Dinner ก็คือ What did you do today? เป็นเหมือนการฝึก report ไปในตัว ก็เล่าให้เขาฟังค่ะ ว่าที่เรียนเป็นยังไงบ้างวันนี้ คลาสสนุกมาเลย มีเพื่อนมาใหม่ หรือไปเที่ยวหลังเลิกมา ก็เล่าหมดค่ะ (อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับ Host ด้วยนะคะ ว่าเขามีเวลาให้เราหรือเปล่า อย่างของเพื่อน คนที่นี่เขาทำงานกันตั้งแต่เช้าค่ะ ทำให้นอนหัวค่ำมาก บางทีอาจจะไม่ได้คุยเยอะ) น้ำปูนก็สนิทกับพี่คนเกาหลีด้วยเหมือนกันค่ะ ทำให้เราได้พูดกันบ่อย ๆ และก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเขาด้วยค่ะ เพราะเวลา Dinner เป็นเวลาที่ทุกคนจะมานั่งทานอาหารพร้อมกัน และก็เล่าเรื่องต่าง ๆ ของตัวเองค่ะ นอกจากนั้นการอยู่ Homestay ก็เป็นการฝึกให้เราอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่มาจากหลายประเทศ ทำให้เราต้องปรับตัว และเข้าใจคนอื่นได้ดีขึ้นด้วยนะคะ คิดว่าดีกว่าการไปเช่าห้องอยู่ในเมืองนะคะ เพราะส่วนใหญ่จะได้ไปอยู่กับคนชาติเดียวกัน ทำให้พูดภาษาของตนเองค่ะ ยากที่จะได้ฝึกพูดอังกฤษ

ส่วนของที่ Langports นะคะ เพื่อน ๆ น่ารักกันมาก ๆ ค่ะ น้ำปูนมีเพื่อนสนิทเป็นคนญี่ปุ่น บราซิล ไต้หวัน สวิสและเกาหลีค่ะ ที่สนิทมาก ๆ ก็คือ เพื่อนที่เริ่มเรียนวันแรกด้วยกันค่ะ ด้วยความที่เป็นคนที่เด็กที่สุดในทุกห้องที่ไปเรียนทำให้พี่ ๆ เอ็นดูมากค่ะ 555555 เขาจะดูแลเราดีมาก ๆ ส่วนใหญ่หลังเลิกเรียนบางทีก็ไปเดินในเมือง (แถว Queen St ค่ะ ไม่ไกลจากโรงเรียน) หรือไปเที่ยวกันวันเสาร์ อาทิตย์บ้างค่ะ ในห้องเรียนบรรยากาศเป็นกันเอง Teacher น่ารักด้วย เละก็มีเพื่อนบราซิลมาเรียนเยอะค่ะ ทำให้ Class ตลกดี  

ความในใจถึงพี่ทีมงาน OEC พี่ศินะคะ

ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ศิมาก ๆ นะคะ ที่จัดการเตรียมเอกสารทุก ๆ อย่างให้ รวมถึงช่วยจัดการเรื่องที่พักที่ต้องการจะเลือกเอง และก็ติดต่อกับโรงเรียนตอนไปรับที่สนามบินให้ค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ

มีอะไรฝากถึงเพื่อน ๆ  ที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศเทศบ้างไหมคะ

อยากให้เพื่อน ๆ ที่ไปเรียนตั้งใจเรียนทุกอย่างใน Class ค่ะ เพราะการเรียนกับเจ้าของภาษาเป็นโอกาสที่ดีที่จะพัฒนาภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นค่ะ และก็อย่าลืมเผื่อเวลาไปเที่ยวด้วยนะคะ ตอนออกไปข้างนอกก็พูดกับคนอื่น ๆ ได้นะคะ (น้ำปูนชอบคุยตอนรอรถเมล์ กับพนักงานที่ Coles ค่ะ) อย่ากลัวที่จะพูดค่ะ คนบริสเบนที่นี่เขาใจดีกับนักเรียนต่างชาติมากค่ะ (เขาว่า Queenslanders welcome international students เลยนะคะ) เขาจะพยายามตั้งใจฟังเราค่ะ ถ้าเราฟังไม่เข้าใจเขาก็จะพูดซ้ำให้นะคะ ที่สำคัญ คือ พยายามเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ (อย่างตอนไปน้ำปูนก็เลิกฟังเพลงจีน เพลงเกาหลี เหลือแต่สากลอย่างเดียวเลยค่ะ เวลาโทรมาหาที่บ้านก็คุยภาษาอังกฤษค่ะ) และอีกอย่าง คือ พยายามคบเพื่อนที่เป็นชาติอื่น ๆ ค่ะ หรือถ้าคบกับคนไทยด้วยกันก็ชวนกันพูดภาษาอังกฤษนะคะ รับรองว่า Speaking จะดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

รีวิวเรียนบริสเบน The Gap

อันนี้ไป Reginal Flavours เป็นเทศกาลที่จะจัดบูธอาหารจากเมืองใน QLD ค่ะ ก็”ปถ่ายรูปกับผู้เข้าแข่งขัน Masterchef มา (น้ำปูนดู Masterchef Australia มาหลายปีมากค่ะ เจอก็หวีดเลย)

ทางเชื่อมตรง Queensland Museum กับ Cultural Centre ค่ะ

รีวิวเรียนบริสเบน 

ไป Gold Coast ค่ะ หาดที่นู้นสวยมากจริง ๆ ค่ะ

Lone Pine Koala Sanctuary ไปดูโคอาล่ามาค่ะ หลับตลอดจริง ๆ

รีวิวเรียนบริสเบน

ไปดู Rugby ของ New Zealand warriors กับ Broncos ทีมรักบี้ของบริสเบนมาค่ะ คนที่นี่เขาชอบกีฬา rugby มาก วันไหนมีการแข่งขันจะเห็นคนใส่เสื้อสี แดงเลือดหมูหรือ Maroons ทั้งเมืองเลยค่ะ ทางกลับบ้านเป็นทางผ่านของ Suncorp Stadium รถบัสต้องเปลี่ยนเส้นทางเลยค่ะ เพราะคนเดินกันเต็มไปหมด ร้านอาหารก็จะมีแต่คนดูถ่ายทอดค่ะ