เชียงใหม่ : 053-285157
Durham university business school ดีไหม
รีวิวเรียนต่ออังกฤษ
|
น้อง ยี จบการศึกษาระดับ ปริญญาตรี จบจากมหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ Durham University Business School เมือง County of Durham ประเทศ UK ในหลักสูตร Master of Business Administration (Full Time MBA) |
Durham university business school
Q: ทำไมถึงเลือกให้ OEC ดูแล
A: ก่อนอื่นเลยนะคะ การจะดำเนินการเพื่อเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าเราสมัครผ่านเอเจนซี่อย่างน้อยก็ทำให้เราอุ่นใจค่ะ หลังจากที่เริ่มตัดสินใจได้ว่าจะไป UK ก็เริ่มหาข้อมูลเอเจนซี่ที่น่าเชื่อถือได้ ตอนนั้นมีประมาณ 4-5 ราย ที่ยีส่งข้อความไปทางไลน์ซึ่งเป็นวันศุกร์ประมาณ 5 โมงเย็น พี่ก้อย จาก OEC คือคนแรกที่ให้ข้อมูลเราได้อย่างรวดเร็วมากค่ะ โดยเฉพาะข้อมูลหลักสูตรของมหาลัย เอกสารหลักฐานต่าง ๆ โดยส่วนตัวยีรู้สึกว่าพี่ก้อยจะรับฟังความต้องการเรา ว่าเราต้องการเมืองแบบไหน สนใจมหาลัยหรือหลักสูตรประมาณไหน แล้วก็จะช่วยเราหาข้อมูล ช่วยเราแมทซ์มหาลัยให้เหมาะสมกับคุณสมบัติต่าง ๆ ของเราเองได้อย่างดี รวมไปถึงเรื่องเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการสมัคร หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์พี่ก้อยก็กรอกใบสมัครออนไลน์ให้ครบทั้งสามมหาลัยเลยค่ะ
จากประสบการณ์ส่วนตัวยีเคยใช้เอเจนซี่ประเภททำงานเร็ว แต่มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตัวมากไป จนไม่คำนึงถึงคุณภาพหรือหลักสูตร พยายามผลักดันให้นักเรียนตอบรับมหาลัยที่ไม่สามารถการันตีคุณภาพได้ หรือบางที่ที่ทำงานมีคุณภาพแต่ค่อนข้างช้ากว่าจะได้ข้อมูลหรือคำตอบ แต่สำหรับพี่ก้อย ทำให้ยีรู้สึกประทับใจในความทุ่มเทในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ แล้วก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ ให้คำตอบเราได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงที่ยีต้องยื่นเอกสารทำวีซ่าพี่ก้อยให้คำแนะนำและส่งตัวอย่างเอกสารต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี ช่วงเริ่มแรกก็คิดค่ะว่าใช้เอเจนซี่เพื่อความอุ่นใจต้องการคนมีประสบการณ์ที่ให้คำแนะนำได้ แต่พอได้คุยกับพี่ก้อยไปสักระยะ ปรึกษาข้อมูลต่าง ๆ ส่งข้อความไปรบกวนนอกเวลางานก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วตลอด ทำให้ยีเริ่มรู้สึกชื่นชมในความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานของพี่ก้อย ถึงแม้ว่าขั้นตอนกระบวนการสมัครเรียน การขอวีซ่าจบไปแล้ว จนเราเดินทางมาเรียนที่ UK ได้ประมาณ 4 เดือนกว่าๆ แล้ว ถ้าช่วงไหนว่าง ๆ กะยังติดต่อพูดคุยกันเหมือนเป็นเพื่อนของยีอีกคนนึงไปแล้วค่ะ สุดท้ายก็ต้องขอบคุณพี่ก้อยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
Q: ก่อนอื่นอยากทราบว่าทำไมถึงเลือกไปเรียนที่นั้น สาเหตุที่เลือกเรียนก็มาจาก 3 เหตุผลหลักค่ะ
A: หลักสูตร Durham MBA มีความพิเศษตรงที่นักเรียนสามารถเรื่อง pathway specific modules ของตัวเองได้ มี 3 ตัวเลือกหลัก ก็คือ Consultancy, Entrepreneurships and Technology ก็สามารถเลือกได้ตามใจเลยค่ะ ว่าชอบอันไหน นอกจากนี้ยังมี Business trip 1 สัปดาห์ที่ต่างประเทศ (นักเรียนสามารถเลือกได้ 1 ประเทศ จากตัวเลือกคือ จีน สเปน และอิตาลี) โดยการเดินทางจะมีขึ้นช่วงปลายเทอมที่ 2 ระหว่างการเรียนเทอม 1 และเทอม 2 ทุกคนจะต้องเรียนคอร์สภาษาตามประเทศที่ตัวเองเลือกเพื่อเตรียมตัวก่อนจะได้ใช้ความรู้ทางด้านภาษาสื่อสารกับผู้คนในประเทศนั้น และสุดท้ายคือ Business Project ในเราได้ประยุกต์ใช้ความรู้ในห้องเรียนในการทำงานร่วมกับบริษัทต่าง ๆ ซึ่ง Business Project ถือเป็น Core module ของ Durham MBA โปรแกรมเลย หลังจากจบหลักสูตร 12 เดือน นักเรียนก็สามารถเลือกที่จะฝึกงานกับบริษัทต่าง ๆ ต่อได้อีก 3 เดือน โดยภาพรวมหลักสูตรถือว่ามีการผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนกับการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงได้อย่างลงตัว
เรื่องของ Ranking เปรียบเทียบกับ Tuition Fee ตลอดหลักสูตร Durham MBA ด้าน ranking ก็ถือว่าโอเคนะคะ อยู่ใน Global top 100 และก็อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ UK เนื่องจากเราไม่มีโอกาสได้ทดลองเรียน เพราะฉะนั้น ranking ก็คงเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่พอจะช่วยให้เรามั่นใจในคุณภาพด้านการเรียนการสอนได้ เมื่อเปรียบเทียบ Tuition Fee กับมหาลัยที่อยู่ใน ranking ใกล้เคียงกันถือว่า Tuition Fee สมเหตุสมผลค่ะ ไม่แพงจนเกินไป เพราะการเรียน MBA ก็เหมือนการลงทุนเพื่อความก้าวหน้าของการทำงานในอนาคต ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรถ้าสูงมากจนเกินไป ก็หมายถึงจุดคุ้มทุนของเราอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าคนอื่นในกรณีที่รายรับในอนาคตอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยทั่วไป
โดยส่วนตัวเป็นคนไม่ค่อยชอบความวุ่นวายค่ะ ชอบท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ Durham เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตอบโจทย์ข้อนี้ได้ดีเลยค่ะ
Durham
Q: บ้านเมืองและชีวิตความเป็นอยู่เป็นยังไงบ้าง ไปถึงแล้วประทับใจอะไรบ้าง
A: Durham เป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของ UK ผู้คนไม่แออัดจนเกินไป หลัก ๆ ก็จะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษาค่ะ การเดินทางไปไหนมาไหน ส่วนมากกะจะใช้การเดินเท้าเป็นหลัก เพราะว่าเป็นเมืองเล็ก ๆ พวกระบบขนส่งสาธารณะอาจจะไม่ค่อยสะดวกสบายเท่ากับเมืองใหญ่ ๆ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าลำบากอะไรค่ะ สิ่งที่ประทับใจกะมีหลายอย่างค่ะ อย่างแรกเลยก็คือ Durham Cathedral สวยมากมาก มีร้านเค้กอร่อย ร้านอาหารอร่อย ๆ เยอะนะคะ มีเหตุการณ์หนึ่งคือยีลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ร้านอาหาร กว่าจะรู้ตัวก็กลับถึงที่พักแล้ว หลักจากโทรไปเช็คที่ร้าน พนักงานใจดีมากค่ะ เขาก็เก็บโทรศัพท์ไว้ให้ แล้วเราก็ไปรับคืนในวันถัดไป คือตอนนั้นในใจคิดว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดที่ไทยคงได้เครื่องใหม่ 555+
Q: อากาศที่โน้นเป็นยังบ้าง ใช้เวลาในการปรับตัวกับสภาพแวดล้อม บ้านเมือง และผู้คนยังไง และนานเท่าไร
A: อากาศก็เป็นสไตล์ UK เลยค่ะเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย แดดออก ฝนตก หิมะตก อีกอย่างที่นี่ลมแรงมากมากค่ะ ภายในวันเดียวกันก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหมดค่ะ 55555+ แต่ถ้าเราเตรียมเรื่องเครื่องแต่งกายดีดี ก็ไม่เป็นอุปสรรคอะไรในการใช้ชีวิตนะคะ แต่ท้องฟ้ายามเย็น ตอนพระอาทิตย์ที่ Durham สวยมากค่ะ อันนี้คอนเฟริมโดยคนพื้นเลยทีเดียว เรื่องหลัก ๆ ที่ต้องปรับตัวเลยก็น่าจะเป็นเรื่องการเดินเท้านี่แระค่ะ คนไทยไม่ค่อยเดินเท้ากัน พอมาที่นี่ช่วงสัปดาห์แรกมีปวดเมื่อยนิดหน่อย เพราะลักษณะเหมือนเดินขึ้นลงเขา เล็ก ๆ ตลอดเวลา แต่พอผ่านอาทิตย์แรกไปได้ ก็จะคุ้นชินไปเองค่ะ บ้านเมืองกะค่อยข้างเงียบนิดนึงนะคะ แต่สำหรับคนที่ชอบชีวิต Night life ก็ยังมีร้านให้เป็นตัวเลือกอยู่นะคะ แล้วก็ค่อนข้างคึกคักเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงวันหยุด แต่ถ้าคนที่ชอบช้อปปิ้งก็นั่งรถไฟประมาณ 15-20 นาที ไป Newcastle ก็จะมีหลากหลายแบรนด์มากกว่า ซึ่งการเดินทางโดยรถไฟก็ไปเรื่องปกติของคนที่นี่แล้วก็สะดวกสบายมาก ๆ อยู่แล้ว
Durham University Business School เป็นไงบ้าง?
Q: เล่าเรื่องการทำงานนอกเวลาเรียน การหางานทำ และเป็นงานประเภทไหนสำหรับนักเรียนต่างชาติ (ถ้าถูกตามกฎหมายของประเทศในการให้นักเรียนต่างชาติทำงาน)
A: โดยส่วนตัวยีเองด้วย MBA โปรแกรมค่อยข้างยุ่ง แล้วก็เรียนหนักมากถ้าเทียบกับโปรแกรมอื่น ๆ ตอนนี้กะเลยยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการทำงานนอกเวลาเลยค่ะ แต่ก็ตามกฎหมายสามารถทำได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แล้วก็มีน้อง ๆ นักเรียนไทยหลายคนทำงานเสริฟตามร้านอาหารไทย ที่นี่มีร้านอาหารไทยอยู่ 3 ร้านนะคะ เป็นร้านค่อนข้างใหญ่ ถ้าใครสนใจอยากทำจริง ๆ ก็น่าจะสมัครได้ไม่ยากนะคะ ส่วนงาน Part-time อื่น ๆ ของทางมหาลัย ก็มีเปิดรับตลอดเวลา ก็สามารถเลือกสมัครได้ตามที่เราสนใจเหมือนกันค่ะ
Q: ให้เล่าถึงโรงเรียน อาจารย์ เพื่อนนักเรียนต่างชาติ และหลักสูตรที่เราเรียนอยู่
A: หลักสูตรที่เรียนกะอย่างที่กล่าวข้างต้นนะคะ เรียนหนัก งานกลุ่ม งานเดี่ยว รุมเร้ามากค่ะ ส่วนเรื่องอาจารย์บางท่านก็ดีมาก ๆ บางท่านกะดีค่ะ บางท่านก็แบบไม่สามารถดึงดูดความสนใจเราได้เลย แต่โดยภาพรวมถือว่าพอใจมากค่ะ ต้องเข้าใจว่า MBA คือหลักสูตรที่ค่อนข้างครอบคลุมทุกกิจกกรมในองค์กร หรือบริษัท เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องปกติค่ะที่เราต้องศึกษาในบางเนื้อหาที่เราอาจจะสนใจน้อยกว่าเนื้อหาอื่น ๆ เช่น บางคนอาจจะชอบแนว Marketing and Sale แต่ก็ต้องเข้าใจ basic knowledge ของ Human Resource Management ด้วยอะไรทำนองนี้ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเวลาของตัวเราเองนะคะ เพราะ MBA โปรแกรมคะแนนจะมาจากการส่ง Essay เป็นหลัก รวมถึงการศึกษาดูงานต่างประเทศด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นการหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ โดยภาพรวมการเรียนจะถูกแบ่งออกเป็นสามเทอม แต่ละเทอมแรกคือหนักสุดค่ะ Lectures แน่นทุกวัน จะเป็นเนื้อหาหลัก ๆ ของ MBA เทอมสองก็จะเป็นวิชาทั่วไปแนวประยุกต์กะจะรู้สึกสบายขึ้นบวกกับเราปรับตัวเรื่องการเรียนได้มากขึ้น เทอมสามจะเป็น Business Project ทั้งเทอมเลยค่ะ ไม่มี Lecture แล้ว ในส่วนของ Final MBA Strategy Business Project เราก็ต้องทำงานร่วมกับองค์กรเอกชนหรือองค์กรเพื่อการกุศลใด ๆ โดยนักเรียนสามารถใช้ connection ของตัวเองในการหาโปรเจค หรือจะเลือกจากโปรเจคที่โรงเรียนจัดหาให้ก็ได้ค่ะ สำหรับ Business Project นอกจากจะต้องส่งรายงานแล้ว ยังต้องมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการของโรงเรียน เพื่อประเมินผลอีกด้วยนะคะ
Q: อยากฝากอะไรกับเพื่อนๆที่กำลังหาที่เรียนอยู่บ้างคะ
A: สิ่งสำคัญของการเรียนต่อปริญญาโทคือเป้าหมายในอนาคตของเราเอง เรียนอะไรที่เราชอบแล้วก็ตอบโจทย์แผนการใช้ชีวิตของเราในอนาคต น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทุกวันนี้ประเด็นที่ว่าเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศคุ้มค่าไหม หรือควรเรียนต่อในประเทศดี จริง ๆ แล้วคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คือตัวคุณเอง การใช้ชีวิตในต่างประเทศจะคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่าอยู่ที่ตัวเราค่ะ ถ้าเรารู้จักบริหารเวลาระหว่างการเรียนกับการใช้ชีวิตส่วนตัว รู้จักการเข้าสังคมพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดกับคนอื่น ๆ ให้ความสำคัญกับชีวิตทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน สิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีใช่ไหมคะ ถ้ามีโอกาสแล้วก็มีความมุ่งมั่นรับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ